tag:blogger.com,1999:blog-16552422970273496902024-02-20T17:19:09.653-08:00หน่วยการเรียนที่ 3ยุ้ยhttp://www.blogger.com/profile/00099168417278157772noreply@blogger.comBlogger1125tag:blogger.com,1999:blog-1655242297027349690.post-59283507861136810602011-09-08T07:59:00.000-07:002011-09-28T21:06:54.170-07:00คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์<h3 class="post-title entry-title">ประวัติคอมพิวเตอร์ </h3><div class="post-header"><div class="post-header-line-1"></div></div><div class="post-body entry-content" id="post-body-3444999955357930835"><div class="MsoNormal"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;"> <span style="font-size: small;"> <span style="color: black; font-family: inherit;"> ดำเนินมาถึง ปี พ.ศ. </span></span></span><span style="color: black; font-family: inherit;"><span style="line-height: 115%;">2185 <span lang="TH">นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ </span><b>Blaise Pascal (<span lang="TH">แบลส ปาสกาล)</span></b><span lang="TH"> ได้สร้างเครื่องกลสำหรับการคำนวณชื่อ </span><b>pascaline</b></span></span></div><div style="font-family: inherit;"><span style="color: black;"></span></div><div class="MsoNormal" style="color: black; font-family: inherit;"><span style="line-height: 115%;"> - <span lang="TH">ต่อมาในปี <b>พ.ศ. </b></span><b>2215</b> <span lang="TH">เครื่องกล </span><b>pascaline</b> <span lang="TH">ของ </span><b>Blaise Pasca</b> <span lang="TH">ได้ถูกพัฒนาเพิ่มเติมโดย </span><b>Gottfried Von Leibniz</b> <span lang="TH">นักคณิตศาสตร์ชาวเยอร์มันโดยเพิ่มสามารถในการ บวก ลบ คูณ หาร และถอดรากได้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดทราบว่าเครื่อง </span><b>pascaline</b> <span lang="TH">ที่ถูกพัฒนาเพิ่มเติมเครื่องนี้มีความสามารถในการคำนวณแม่นยำเพียงใด</span></span></div><div class="MsoNormal" style="color: black; font-family: inherit;"><span style="line-height: 115%;">- <span lang="TH">ปี พ.ศ. </span><b>2336</b> <span lang="TH">นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ </span><b>Charles Babbage</b> <span lang="TH">ได้สร้างจักรกลที่มีชื่อว่า </span><b>difference engine</b> <span lang="TH">ที่มีฟังก์ชันทางตรีโกณมิติต่างๆ โดยอาศัยหลักการทางคณิตศาสตร์ และและต่อมาก็ได้สร้าง </span>analytical engine <span lang="TH">ที่มีหลักคล้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปในปัจจุบัน จากผลงานดังกล่าว </span><b>Charles Babbage</b> <span lang="TH">ถูกยกย่องว่าเป็นบิดาของคอมพิวเตอร์และเป็นผู้ริเริ่มวางรากฐานคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน</span></span></div><div class="MsoNormal" style="color: black; font-family: inherit;"><span style="line-height: 115%;"> - <span lang="TH">ปี พ.ศ. </span>2439 <b>Herman Hollerith</b> <span lang="TH">ได้คิดบัตรเจาะรูและเครื่องอ่านบัตร</span></span></div><div class="MsoNormal" style="color: black; font-family: inherit;"><span style="line-height: 115%;"> - <span lang="TH">จนกระทั่งในปี พ.ศ. </span>2480 <b>Howard Aiken</b> <span lang="TH">สร้างเครื่องกล </span><b>automatic calculating machine</b> <span lang="TH">ขึ้น จุดประสงค์ของเครื่องกลชิ้นนี้ก็คือ เพื่อเชื่อมโยงเทคโนโลยีทั้งทาง</span> electrical <span lang="TH">และ </span>mechanical <span lang="TH">เข้ากับบัตรเจาะรูของ </span>Hollerith <span lang="TH">และด้วยความช่วยเหลือของนักศึกษาปริญญาและวิศวกรรมของ </span>IBM <span lang="TH">ทีมงานของ</span> Howard <span lang="TH">ก็ประดิษฐ </span><b>automatic calculating machine</b> <span lang="TH">สำเร็จในปี พ.ศ. </span>2487 <span lang="TH">โดยใช้ชื่อว่า </span><b>MARK I</b> <span lang="TH">โดยการทำงานภายในตัวเครื่องจะถูกควบคุมอย่างอัตโนมัติด้วย </span><b>electromagnetic relays</b> <span lang="TH">และ </span><b>arthmetic counters</b> <span lang="TH">ซึ่งเป็น </span>mechanical <span lang="TH">ดังนั้น </span>MARK I <span lang="TH">จึงนับเป็น </span><b>electromechanical computers</b></span></div><div class="MsoNormal" style="color: black; font-family: inherit;"><span style="line-height: 115%;"> - <span lang="TH">และต่อมา </span><b>Dr. John Vincent Atanasoff</b> <span lang="TH">และ </span><b>Clifford Berry</b> <span lang="TH">ได้ประดิษฐเครื่อง </span><b>ABC (Atanasoff-Berry Computer)</b> <span lang="TH">โดยใช้ <b>หลอดสูญญากาศ (</b></span><b>vacuum tubes)</b></span></div><div class="MsoNormal" style="color: black; font-family: inherit;"><span style="line-height: 115%;"> - <span lang="TH">ปี พ.ศ. </span>2483 <b>Dr.John W. Mauchy</b> <span lang="TH">และ </span><b>J. Presper Eckert Jr</b>. <span lang="TH">ได้ร่วมกันพัฒนา </span>electronic computer <span lang="TH">โดยอาศัยหลักการออกแบบบนพื้นฐานของ </span><b>Dr. Atanasoff electronic computer</b> <span lang="TH">เครื่องแรกมีชื่อว่า</span><b>ENIAC</b> <span lang="TH">แม้จะเป็น</span>electronic computer <span lang="TH">แต่</span>ENIAC<span lang="TH">ก็ยังไม่สามารถเก็บโปรแกรมได้(</span>stored program) <span lang="TH">จึงได้มีการพัฒนาเป็นเครื่อง </span>EDVAC <span lang="TH">ซึ่งอาศัยหลักการ </span>stored program <span lang="TH">สมบูรณ์และได้มีการพัฒนาเป็นเครื่อง </span>EDSAC <span lang="TH">และท้ายสุดก็ได้พัฒนาเป็นเครื่อง </span><b>UNIVAC(Universal Automatic Computer)</b> <span lang="TH">ในเวลาต่อมา</span></span></div><div class="MsoNormal" style="color: black; font-family: inherit;"><span style="line-height: 115%;"> <span lang="TH">ในท้ายที่สุด หากจะจำแนกประวัติคอมพิวเตอร์ตามยุคของคอมพิวเตอร์(</span>Computer generations) <span lang="TH">โดยแบ่งตามเทคโนโลยีของตัวเครื่องและเทคโนโลยีการเก็บข้อมูล ก็สามารถจะจัดแบ่งตามวิวัฒนาการได้ </span>4 <span lang="TH">ยุคด้วยกัน คือ </span></span></div><div class="MsoNormal" style="color: black; font-family: inherit;"><span style="line-height: 115%;"> <b>ยุคแรก</b><span lang="TH">เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีของหลอดสูญญากาศ และการเก็บข้อมูลเป็นแบบบัตรเจาะรู</span> <br />
<b>ยุคที่สอง</b><span lang="TH"> เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีของทรานซิสเตอร์ และการเก็บข้อมูลเป็นแบบเทป ลักษณะเป็นกรรมวิธีตามลำดับ(</span>Sequential Processing) <br />
<b>ยุคที่สาม</b><span lang="TH"> เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีของ<b>ไอซี(</b></span><b>integrated circuit, IC)</b> <span lang="TH">และการเก็บข้อมูลเป็นแบบจานแม่เหล็ก ลักษณะเป็นการทำงานหลายโปรแกรมพร้อมกัน (</span>Multiprogramming) <span lang="TH">และออนไลน์(</span>on-line) <br />
<b>ยุคที่สี่ </b><span lang="TH">เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้<b>เทคโนโลยีของวงจรรวมขนาดใหญ่ (</b></span><b>Large-scale integration, LSI) </b><span lang="TH">ของวรจรไฟฟ้า ผลงานจากเทคโนโลยีนี้คือ <b>ไมโครโปรเซสเซอร์ (</b></span><b>microprocessor )</b> <span lang="TH">กล่าวได้ว่าเป็น </span><b>"Computer on a chip"</b> <span lang="TH">ในยุคนี้</span></span></div><div style="color: black; font-family: inherit;"><b><span lang="TH">ความหมายของคอมพิวเตอร์</span></b></div><div style="color: black; font-family: inherit;"> <b>คอมพิวเตอร์หมายถึง</b><span lang="TH"> อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์</span> (electronics) <span lang="TH">ชนิด หนึ่งที่สามารถรับโปรแกรมและข้อมูลทำการประเมินผลสื่อสารจัดเก็บข้อมูล เคลื่อนย้ายข้อมูลและแสดงผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและ เชื่อถือได้ </span></div><div style="color: black; font-family: inherit;"><b><span lang="TH">จุดเด่น </span></b><b>4 <span lang="TH">ประการของคอมพิวเตอร์ (</span>4S special)</b></div><div style="color: black; font-family: inherit;"> <b>1. <span lang="TH">หน่วยเก็บ (</span>Storage)</b> <span lang="TH">หมายถึงความสามารถในการเก็บข้อมูลจำนวนมากและเป็นเวลานานนับเป็นจุดเด่นทาง โครงสร้างและเป็นหัวใจของการทำงานแบบอัตโนมัติของเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้ง เป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องด้วย </span></div><div style="color: black; font-family: inherit;"> <b>2. <span lang="TH">ความเร็ว (</span>Speed)</b> <span lang="TH">หมายถึงความสามารถในการประมวลผลข้อมูล (</span>Processing Speed) <span lang="TH">โดยใช้เวลาน้อยเป็นจุดเด่นทางโครงสร้างที่ผู้ใช้ทั่วไปมีส่วนเกี่ยวข้องน้อย ที่สุดเป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สำคัญส่วนหนึ่งเช่น กัน </span></div><div style="color: black; font-family: inherit;"> <b>3. <span lang="TH">ความเป็นอัตโนมัติ</span></b><span lang="TH"> </span><b>(Self Acting)</b> <span lang="TH">หมาย ถึงความสามารถในการประมวลผลข้อมูลตามลำดับขั้นตอนได้อย่างถูกต้องและต่อ เนื่องอย่างอัตโนมัติโดยมนุษย์มีส่วนเกี่ยวข้องเฉพาะในขั้นตอนการกำหนด โปรแกรมคำสั่งและข้อมูลก่อนการประมวลผลเท่านั้น </span></div><div style="color: black; font-family: inherit;"><b> 4. <span lang="TH">ความน่าเชื่อถือ</span> (Sure)</b><span lang="TH">หมาย ถึงความสามารถในการประมวลผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ถูกต้องความน่าเชื่อถือนับเป็น สิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ความสามารถนี้เกี่ยวข้องกับ โปรแกรมคำสั่งและข้อมูลที่มนุษย์กำหนดให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรงกล่าว คือหากมนุษย์ป้อนข้อมูลที่ไม่ถูกต้องให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ย่อมได้ ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้องด้วยเช่นกัน </span></div><div class="MsoNormal" style="color: black; font-family: inherit;"><span style="line-height: 115%;"> </span><span style="line-height: 115%;"> <span lang="TH">ประเภทของคอมพิวเตอร์ตามหลักการประมวลผลจำแนกได้เป็น</span> 3 <span lang="TH">ประเภท คือ</span></span></div><div class="MsoNormal" style="color: black; font-family: inherit; line-height: normal;"> <span lang="TH"> คอมพิวเตอร์แบบแอนะล็อก (</span>Analog Computer)</div><div class="MsoNormal" style="color: black; font-family: inherit; line-height: normal;"> <span lang="TH">หมายถึง เครื่องมือประมวลผลข้อมูลที่อาศัยหลักการวัด (</span>Measuring Principle) <span lang="TH">ทำงานโดยใช้ข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบต่อเนื่อง</span> (Continuous Data) <span lang="TH">แสดงออกมาในลักษณะสัญญาณที่เรียกว่า</span> Analog Signal <span lang="TH">เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทนี้มักแสดงผลด้วยสเกลหน้าปัทม์ และเข็มชี้ เช่น การวัดค่าความยาว โดยเปรียบเทียบกับสเกลบนไม้บรรทัดการวัดค่าความร้อนจากการขยายตัวของปรอทเปรียบเทียบกับสเกลข้างหลอดแก้ว</span><br />
<span lang="TH">นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างของ</span> Analog Computer <span lang="TH">ที่ใช้การประมวลผลแบบเป็นขั้นตอน เช่น เครื่องวัดปริมาณการใช้น้ำด้วยมาตรวัดน้ำ ที่เปลี่ยนการไหลของน้ำให้เป็นตัวเลขแสดงปริมาณ อุปกรณ์วัดความเร็วของรถยนต์ในลักษณะเข็มชี้ หรือเครื่องตรวจคลื่ยสมองที่แสดงผลเป็นรูปกราฟ เป็นต้น</span></div><div class="MsoNormal" style="color: black; font-family: inherit; line-height: normal;"> <span lang="TH">คอมพิวเตอร์แบบดิจิทัล (</span>Digital Computer)</div><div class="MsoNormal" style="color: black; font-family: inherit; line-height: normal;"> <span lang="TH">ซึ่งก็คือคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการทำงานทั่วๆ ไปนั่นเอง เป็นเครื่องมือประมวลผลข้อมูลที่อาศัยหลักการนับทำงานกับข้อมูลที่มีลักษณะการเปลี่ยนแปลงแบบไม่ต่อเนื่อง</span> (Discrete Data) <span lang="TH">ในลักษณะของสัญญาณไฟฟ้า หรือ </span>Digital Signal <span lang="TH">อาศัยการนับสัญญาณข้อมูลที่เป็นจังหวะด้วยตัวนับ</span> (Counter) <span lang="TH">ภายใต้ระบบฐานเวลามาตรฐาน ทำให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าเชื่อถือ ทั้งสามารถนับข้อมูลให้ค่าความละเอียดสูง เช่นแสดงผลลัพธ์เป็นทศนิยมได้หลายตำแหน่ง เป็นต้น เนื่องจาก</span> Digital Computer <span lang="TH">ต้องอาศัยข้อมูลที่เป็นสัญญาณไฟฟ้า (มนุษย์สัมผัสไม่ได้) ทำให้ไม่สามารถรับข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต้นทางได้โดยตรง จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนข้อมูลต้นทางที่รับเข้า</span> (Analog Signal) <span lang="TH">เป็นสัญญาณไฟฟ้า (</span>Digital Signal) <span lang="TH">เสียก่อน เมื่อประมวลผลเรียบร้อยแล้วจึงเปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้ากลับไปเป็น</span> Analog Signal <span lang="TH">เพื่อสื่อความหมายกับมนุษย์ต่อไป</span><br />
<span lang="TH">โดยส่วนประกอบสำคัญที่เรียกว่า ตัวเปลี่ยนสัญญาณข้อมูล (</span>Converter) <span lang="TH">คอยทำหน้าที่ในการเปลี่ยนรูปแบบของสัญญาณข้อมูล ระหว่าง </span>Digital Signal <span lang="TH">กับ</span> Analog Signal</div><div class="MsoNormal" style="color: black; font-family: inherit; line-height: normal;"> <span lang="TH">คอมพิวเตอร์แบบลูกผสม (</span>Hybrid Computer)</div><div class="MsoNormal" style="color: black; font-family: inherit; line-height: normal;"> <span lang="TH">เครื่องประมวลผลข้อมูลที่อาศัยเทคนิคการทำงานแบบผสมผสาน ระหว่าง </span>Analog Computer <span lang="TH">และ </span>Digital Computer <span lang="TH">โดยทั่วไปมักใช้ในงานเฉพาะกิจ โดยเฉพาะงานด้านวิทยาศาสตร์ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ในยานอวกาศ ที่ใช้ </span>Analog Computer <span lang="TH">ควบคุมการหมุนของตัวยาน และใช้ </span>Digital Computer <span lang="TH">ในการคำนวณระยะทาง เป็นต้น</span><br />
<span lang="TH">การทำงานแบบผสมผสานของคอมพิวเตอร์ชนิดนี้ ยังคงจำเป็นต้องอาศัยตัวเปลี่ยนสัญญาณ</span> (Converter) <span lang="TH">เช่นเดิม</span></div><div style="clear: both;"></div></div><div class="post-footer"><div class="post-footer-line post-footer-line-1"><span class="post-author vcard">เขียนโดย <span class="fn">tansocial</span> </span></div></div>ยุ้ยhttp://www.blogger.com/profile/00099168417278157772noreply@blogger.com0